ในวันที่ความนับถือในตัวเองต่ำ

Sirichai Teerapattarasakul

Sirichai Teerapattarasakul / November 14, 2019

1 min read

ชีวิตคนเรามีขึ้นมีลง ถือเป็นเรื่องจริงและเกิดขึ้นกับทุกคน จะรวยหรือจนก็คงต้องเจอ

อยู่ที่ว่าใครจะจิตใจเข้มแข็งฝ่าฟันไปได้ ส่วนตัวแล้วนับถือคนเหล่านี้เพราะ บางคนมีภาระหน้าที่มากมาย แต่ใจมันต้องสู้

“ความนับถือในตัวเองต่ำ” จากคนที่เคยมั่นใจก็ทำให้ความมั่นใจน้อยลง สาเหตุก็มาจากหลากหลายสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต

ตอนวัยเด็กคงยังไม่มีปัญหา แต่เมื่อต้องออกไปสู่โลกกว้าง เข้าโรงเรียนเจอเพื่อน ครู สิ่งต่างๆ ก็มักจะเกิดการเปรียบเทียบ หากพื้นฐานครอบครัวคาดหวังก็จะทำให้กดดัน

แต่สิ่งต่างๆเหล่านี้ในโรงเรียน เป็นสิ่งที่คนหนึ่งคนจะต้องเจอทั้งชีวิต ทั้งในวัยทำงานหรือวันเกษียณ มันค่อนข้างยากสำหรับคนจิตใจไม่เข้มแข็งพอ แต่ก็ใช่ว่าจะ “จะกู้สถานะการณ์นี้กลับมาไม่ได้”

รักตัวเอง

ปล่อยชีวิตดำดิ่งลงไปใต้ทะเลไปเรื่อยๆ คงไม่ดีแน่เราคงขาดอากาศหายใจแล้วก็ตายในที่สุด แต่พอมาฉุดคิดขึ้นมา คนเราต้องตายทุกคน แล้วจะรีบตายได้อย่างไร

คิดถึงความสำเร็จที่ผ่านมานึกถึงข้อดีของตัวเอง จะตายทั้งทีก็ต้องทำอะไรที่ยังไม่ได้ทำ ทำเพื่อคนที่เรารัก เอาให้คุ้มก่อน สิ่งสำคัญเลยก็คือ

“ทำเพื่อตัวเอง … รักตัวเองให้มาก” ไม่อย่างนั้นคงไม่มีแรงใจแจงกายทำอะไรเป็นแน่

หยุดเปรียบเทียบ

หลายครั้งที่มองดูชีวิตของคนอื่นมากเกินไป ทำไมพวกเขาถึงได้มีชีวิตดี เงินเดือนสูง เก่งกว่าเรา ดูมีความสุข โดยเฉพาะ Social Media ทำสิ่งเหล่านี้ให้เราได้พอเห็นง่าย

ยิ่งในขณะที่เราจิตใจห่อเหี่ยวไร้เรี่ยวแรง ยิ่งฉุดดึงเราลงไปอีก คิดเปรียบเทียบต่างๆมากมาย ตัวเราก็รู้สึกแย่ ความมั่นใจในตัวเองก็ต่ำลงเรื่อยๆ

ซึ่งอันที่จริงแล้ว ไม่มีใครรู้หรอกว่าเบื้องหลังสิ่งดีๆที่อยู่บนโลกอินเตอร์เน็ตนั้น อาจจะมีบางคนต้องทำงานหนัก หรือมีเรื่องทุกข์ใจอย่างอื่นอยู่ เพียงแต่เขาไม่าได้เอามาโพสเท่านั้นเอง

หยุดคิดแง่ลบ

จริงๆคิดแง่ลบก็ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดี มันมีประโยชน์ทำให้เราเป็นคนระวัง แต่ต้องฝึกแยกแยะให้ออกว่าอันไหนควรคิดแง่ลบ แต่สิ่งสำคัญอย่าปล่อยให้ตัวเองมองลบไปทุกอย่าง อยู่ที่การฝึกรู้ทันจิตตัวเอง อันนี้ค่อนข้างยาก แต่ก็ทำได้ฝึกบ่อยๆ “จะตื่นรู้เอง”

อย่าจริงจังกับชีวิตมากเกินไป

จริงจังก็ดี แต่ถ้าจริงจังมากไปนอกจากจะกดดันตัวเองแล้ว ยังพาลไปถึงคนรอบข้างเกิดความคาดหวัง ยิ่งคนใกล้ชิดหรือคนรักเราจะคาดหวังเขามากเกินไป ซึ่งเขาก็เป็นอย่างนั้นมาตั้งแต่เกิด แท้จริงแล้วคนเราเกิดมาก็ชีวิตใครชีวิตมัน เราเป็นเพียงแค่เพื่อนร่วมทาง ซึ่งมีไว้ปรับทุกข์พูดคุยมอบความรักให้กันระหว่างเดินทางเท่านั้นเอง

หลีกเลีี่ยงคนที่เป็นพิษ

ผู้คนที่เราได้พบเจอจะมีนิสัยคนละแบบ เพราะพื้นฐานครอบครัวไม่เหมือนกัน จะมีบางคนที่นิสัยแย่ เห็นแก้ตัวเอาแต่ได้ อันนี้หลีกเลี่ยงไปเลย ไม่เป็นประโยชน์กับชีวิตเราแน่นอน

ส่วนคนที่เรารู้จัก เช่นเพื่อนสมัยเรียน เพื่อนที่ทำงาน เอาจริงๆไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอก บางคนมีดีเรื่องการใช้ชีวิตเวลาเราได้พูดคุยก็อาจจะได้แง่คิด แต่คนๆเดียวกันอาจจะอีโก้สูง คุยเรื่องงานอาจจะทำให้เรารู้สึกแย่กว่าเดิม

ของอย่างนี้เมื่อเรารู้แล้วว่า คนรอบข้างเรามีดีหรือไม่ดีด้านไหน เราก็พูดคุยให้ถูกเรื่อง จะได้ให้จิตใจตัวเองดีขึ้น ไม่รู้สึกขุ่นมัวทั้งเขาและเรา

พัฒนาตัวเอง

โดยส่วนตัวข้อนี้มีความสำคัญในการดำเนินชีวิตการงาน เพราะเมื่อเรา “ขาดความมั่นใจ” นั่น เป็นเพราะเรารู้สึกยังไม่ชำนาญในบางสิ่ง นั่นจึงต้องทำให้ต้องหมั่นพัฒนาฝึกฝนตัวเอง และต้องไม่เปรียบเทียบกับใคร สู้กับตัวเอง มันทำให้ชีวิตมีเป้าหมายที่จะเดินต่อ

ช่างแม่ง !

ท่าไม้ตาย กลายครั้งที่อะไรมารุมเร้าในขณะที่เราจิตใจย่ำแย่เราก็ต้อง ปล่อยมันไป ไม่ว่าจะจากคนที่มาดูถูก … มา Bully หรือรถปาดหน้า มันทำให้เราหัวร้อนเอาได้ง่าย คำสั้นๆที่ ส่วนตัวใช้แล้วได้ผล มันเป็นคำแรงแต่ได้ผลนะ

“ช่างแม่ง !!!” แล้วเดินหน