อย่าเพิ่งรีบเชื่อ
Sirichai Teerapattarasakul / November 03, 2016
1 min read
ช่วงที่เขียนบล็อกอยู่นี้ ผมเริ่มกลับมาเล่นบาสเกตบอลได้ไม่นานประมาณ 1 เดือน ก่อนหน้านี้ออกกำลังกายโดยเวทเทรนนิ่ง ถ้าย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นอีกนิดนึง ผมเล่นบาสฯแล้วเกิดอาการเจ็บเข่า และทำให้ต้องหยุดพักจากการออกกำลังกายและไม่กล้ากลับไปเล่นบาสฯอีกเลย
มีเพื่อนๆหลายคนบอกว่าอายุเลย 30 ปี แล้วต้องยอมรับสังขาร (ดูแก่เชียว) ซึ่งผมก็เกือบจะยอมรับความจริง เราอายุมากขึ้น เราอ้วนมากขึ้น เราเชื่องช้า คงไม่มีโอกาสกลับไปทำอย่างนั้นได้แล้ว
แต่ด้วยความที่เราเป็นคนรั้นและไม่เชื่ออะไรง่ายๆจนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าจริง ก็จะพยายามลองทำดูเสมอ และหาวิธีการที่จะทำให้มันสำเร็จจงได้
ทุกอย่างเริ่มต้นจาก “ไม่รีบเชื่อในสิ่งที่คนอื่นพูด”
ผมเล่นเวทเทรนนิ่งกายภาพหัวเข่า พร้อมกับฝึกเดินและวิ่งเพื่อลดน้ำหนัก จากนั้นก็ฝึกกระโดด โดยคิดว่าสมัยเด็กที่เราเริ่มเดินหรือวิ่งใหม่ๆ เราก็ต้องฝึกฝน
ตอนนี้ผมใส่ที่ Support หัวเข่า ทำทุกวิถีทางเพื่อให้สามารถกระโดดชู๊ตลูกบาสฯ ให้ได้ แรกๆมันเจ็บจี๊ด แทบจะกระโดดไม่ได้เลย และใจก็กลัวจะบาดเจ็บเหมือนเมื่อครั้งก่อน ไม่อยากเป็นแบบนั้นอีก แต่ก็ค่อยๆทำไปเรื่อยๆโดยไม่ใจร้อน และเชื่อว่าถ้าน้ำหนักลดลง ตอนนั้นการกายภาพหัวเข่าและเสริมสร้างกล้ามเนื้อคงทำให้เราแข็งแรงขึ้น
ณ ตอนนี้ผมเริ่มเล่นบาสฯไม่ปวดเข่ามากแล้วครับ น้ำหนักลงมาประมาณ 2-3 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งเป้าจริงต้องลดลงมา 25 กิโลกรัม แต่คิดว่าไม่ยาก เพราะเคยทำมาแล้ว สิ่งนี้ทำให้รู้ว่า
“ถ้าเชื่อคนอื่นตั้งแต่ต้น ผมคงไม่ทำมัน และยอมแพ้มันไป”
ไม่กี่วันได้เจอเพื่อนที่เล่นบาสฯด้วยกัน เมื่อสิบกว่าปีก่อน เชื่อมั้ยว่าตอนนี้เพื่อนผมคนนี้ยังกระโดดจับห่วงได้เหมือนเมื่อก่อนทั้งที่มันตัวเตี้ยกว่าผม และมันยังคงมีหุ่นเท่าเดิมไม่อ้วน นี่แทบจะเป็นข้อพิสูจน์ได้เลยว่า “เราคิดไปเอง” ว่าแก่แล้ว ออกกำลังกายแบบนั้นไม่ได้แล้ว
ต่อจากนี้ไปได้แต่เตือนสติตัวเองตลอดเวลาว่า “อย่างเพิ่งรีบเชื่อ”